Page 250 - รายงานประจำปี 2568
P. 250
มิติที่ 4 การท าก าไร (Earning Sufficiency)
การท าก าไร เป็นตัวชี้วัดความส าเร็จในเชิงธุรกิจของสหกรณ์ ในปัจจุบันนักวิเคราะห์จ านวนมากให้ความสนใจกับ
อัตราค่าใช้จ่ายด าเนินงานต่อก าไรก่อนหักค่าใช้จ่ายด าเนินงาน ขณะเดียวกันอัตราก าไรสุทธิ อัตราค่าใช้จ่ายก็เป็นสิ่งจ าเป็นที่
ต้องวิเคราะห์ ทั้งนี้เพื่อวัดประสิทธิภาพในการท าก าไร และเพื่อหาแนวโน้มก าไรของสหกรณ์
4.1 ก าไรต่อสมาชิกแสดงให้เห็นส่วนที่สมาชิกได้รับจากผลการด าเนินงาน ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึง
ความสามารถในการท าก าไรของสหกรณ์ได้ชัดเจนกว่าพิจารณาก าไรสุทธิเพียงอย่างเดียวสูตรที่ใช้ในการค านวณ ดังนี้
ก าไรต่อสมาชิก (บาท) = ก าไรสุทธิ
จ านวนสมาชิก
ปี 2568 ปี2567
= 135,563,563.74 = 128,468,891.18
3,289 3,165
= 41,217.26 บาท (อัตราส่วนเฉลี่ย 27,811.96 บาท) = 40,590.49 บาท (อัตราส่วนเฉลี่ย 27,811.96 บาท)
สหกรณ์มีก าไรต่อสมาชิกปี 2568 เท่ากับ 41,217.26 บาท เปรียบเทียบกับ ปี 2567 เท่ากับ 40,590.49 บาท
เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 626.77 บาท อัตราส่วนเฉลี่ย (PEER GROUP) เท่ากับ 27,811.96บาท
4.2 เงินออมต่อสมาชิก เป็นอัตราส่วนที่ใช้วัดศักยภาพของสมาชิกผู้ถือหุ้นในการเก็บออมเงินซึ่งอัตราส่วน
ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงการออมเงินของสมาชิกไว้กับสหกรณ์ สูตรที่ใช้ในการค านวณ ดังนี้
เงินออมต่อจ านวนสมาชิก (บาท) = เงินฝากสมาชิก+ทุนเรือนหุ้น
จ านวนสมาชิก
ปี 2568 ปี 2567
= 1,909,391234.11+1,501,012,180.00 = 1,758,994,857.63+1,442,591,060.00
3,289 3,165
= 1,036,911.95 บาท (อัตราส่วนเฉลี่ย 730,226.19 บาท) = 1,011,559.53 บาท (อัตราส่วนเฉลี่ย 730,226.19 บาท)
สหกรณ์มีเงินออมต่อสมาชิกปี 2568 เท่ากับ 1,036,911.65บาท เปรียบเทียบปี 2567 เท่ากับ 1,011,559.53 บาท
และอัตราส่วนเฉลี่ย (PEER GROUP) เท่ากับ 730,226.19บาท
แสดงให้เห็นว่าสมาชิกสหกรณ์มีการฝากเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นตัวชี้วัดว่าสมาชิกมีวินัยในการออม และสหกรณ์ก าหนด
อัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากที่สูงกว่าสถาบันการเงินอื่น จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ท าให้เงินออมต่อสมาชิกเพิ่มขึ้น
248

